บันทึกการเรียนครั้งที่
4 วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561
นำเสนองานกลุ่ม
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ Montessori
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่คืออะไร?
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน
และกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อม
โดยครูคำนึงถึงความสนใจ ความต้องการในการเรียนรู้ของเด็ก
ยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคลและคำนึงถึงเด็กเป็นสำคัญ
ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระ จัดสิ่งแวดล้อมและอุปกรณ์ให้เด็กได้ฝึกทักษะกลไกผ่านประสาทสัมผัส
ทั้งห้า รู้จักควบคุมการทำงานด้วยตัวเอง มอนเตสซอรี่ เชื่อว่า “
เด็ก
คือผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้”
หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ
ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้านคือ
1.ด้านทักษะกลไก (Motor Education)
2.ด้านประสาทสัมผัส (Education of the
Senses)
3.ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For
Writing and Arithmetic)
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะอย่างไร?
มีลักษณะส่งเสริมการเรียนด้วยตนเอง
เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด โดยโรงเรียนจัดสิ่งแวดล้อมให้เสมือนบ้าน เช่น
ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น
มีห้องโถงใหญ่ที่จัดมุมการเรียนรู้ไว้ตอบสนองความต้องการของเด็ก ได้แก่
มุมฝึกประสาทสัมผัส มุมภาษา มุมคณิตศาสตร์ มุมดนตรี มุมศิลปะ มุมที่จะสอนสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
และมุมภูมิศาสตร์ เป็นต้น
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยอย่างไร?
-เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ตนเอง
-เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดี
-เด็กเรียนด้วยความสุข มีสมาธิจากการทำงาน เพราะเป็นจัดการเล่นปนเรียน
-เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อน เรียนรู้ที่อยู่ร่วมกัน
ให้ความช่วยเหลือกัน
ภาษาธรรมชาติ
การสอนภาษาธรรมชาติ
คือ การที่เด็กได้เรียนรู้การใช้ภาษาทั้งด้านการฟัง พูด อ่าน
เขียนไปตามธรรมชาติ อย่างมีความหมาย สอดคล้องเหมาะสมกับวัย
ลักษณะการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
-เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมปฏิบัติอย่างอิสระ
-เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมปฏิบัติอย่างอิสระ
-ผู้ใหญ่เป็นนักอ่านที่ดีให้เด็กเห็นเป็นแบบอย่าง
-เด็กสามารถเกิดประสบการณ์ทางภาษาได้ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน
-เมื่อเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีภาษาหรือตัวหนังสือ
จะทำให้เด็กคุ้นเคยกับภาษา
การจัดทำสารนิทัศน์ในระดับปฐมวัย
สารนิทัศน์
ตัวอย่างผลงานของเด็ก ภาพถ่าย กิจกรรมของเด็ก บทสนทนาของเด็ก
ที่แสดงให้ผู้อื่นเห็น
หรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโต พัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
จากการทำกิจกรรมของเด็กเป็นรายบุคคล
หรือเป็นรายกลุ่ม
ประเภทสารนิทัศน์
สารนิทัศน์ประเภทที่1 การบรรยายเรื่องราวหรือประสบการณ์
สารนิทัศน์ประเภทที่2 การสังเกตพัฒนาการเด็ก
สารนิทัศน์ประเภทที่3 แฟ้มสะสมงาน(Portfolio)
สารนิทัศน์ประเภทที่4 ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม
สารนิทัศน์ประเภทที่5 การสะท้อนตัวเอง
แฟ้มสะสมผลงาน Portfolio
เป็นสารนิทัศน์ที่มุ่งเน้นด้านการจัดเก็บรวบรวมผลงานของเด็กเป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ช่วยให้เห็นความก้าวหน้าทางพัฒนาการด้านต่างๆและความสำเร็จของเด็ก การจัดเก็บ
รวบรวมข้อมูลแสดงให้เห็นว่า
ผู้เรียนได้มีโอกาสสะท้อนความคิด ความพยายาม และแสดงศักยภาพ
ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์
องค์ประกอบแฟ้มสะสมงาน
1.ส่วนปก ปกนอก ปกใน
2.ส่วนนำ คำนำ
ข้อมูลผู้เรียน สารบัญ
3.ส่วนเนื้อหา ผลงานเอกสารต่างๆ
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลในแฟ้มสะสมงาน
1.การสังเกต
2.การบันทึก
3.การสนทนา
4.การสัมภาษณ์
การสอนแบบวอลดอร์ฟ Waldorf
การศึกษาแนววอลดอร์ฟคืออะไร?
มีเป้าหมายเพื่อพัฒนามนุษย์ไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ด้วยการพัฒนาการ(Body)จิต(Soul) และจิตวิญญาณ(Spirit)
ความดี(Good) ความงาม(Beauty) ความจริง(Truth)
ความเข้าใจของครูผู้สอน
มีการจัดคอร์สฝึกหัดครูในแนวทางวอลดอร์ฟ
เพ่อมีโอกาสพัฒนาตนให้มีความรู้ความสามารถตามแนวทางมนุษยปรัชญา
เข้าใจธรรมชาติวัยเด็ก
ทักษะศิลปะของครูผู้สอน
ฝึกหัดการวาดภาพระบายสี
งานปั้น งานหัตถกรรมเย็บปักถักทอ การจัดดอกไม้ ตลอดจนงานในชีวิตประวัน เช่น
งานบ้าน งานครัว งานสวน ฯลฯ เพื่อขัดเกลายก ระดับจิตใจตนเองไปสู่ความละเอียดประณีต
บรรลุสู่คุณธรรม ความดี
การจัดประสบการการณ์เรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยในแนววอลดอร์ฟ
การจัดประสบการการณ์เรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยในแนววอลดอร์ฟ
*หลักสูตรและกิจกรรม จัดให้มีความเชื่อมโยงกัน ทั้ง 3
มิติ คือ
•รอบปี (ฤดู เทศกาล วัฒนธรรม)
•รอบสัปดาห์ (วิถีชีวิตของคนในชุมชน สังคม ครอบครัว)
•รอบวัน (จังหวะชีวิตในหนึ่งวัน)
การจัดสภาพแวดล้อม
อนุบาลแบบบ้าน
โดยมีครูเสมือนแม่ การจัดสภาพแวดล้อมภายในเช่นเดียวกับบ้านหนึ่งหลังที่มีพร้อม
ทุกอย่าง ทั้งห้องครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น
จัดให้มีความสวยงามและเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
โดยครูจะนำทักษะด้านศิลปะมาจัดห้องเรียนให้อบอุ่นน่าอยู่ เช่น
นำผ้าย้อมสีธรรมชาติมาตกแต่งในห้องเรียน
รวมทั้งอุปกรณ์และของเล่นเด็กก็มาจากวัสดุในธรรมชาติด้วย
ธรรมชาติการเรียนรู้ในวัยเด็ก
เด็กเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ
โดยมีครูทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง การงานในชีวิตประจำวัน
ครูจะลงมือทำงานต่างๆด้วยตัวเอง ได้แก่ งานบ้าน งานครัวและงานสวน
เล่นอย่างอิสระ
เด็กจะได้เล่นอย่างเสรี
ด้วยวัตถุที่มาจากธรรมชาติ ทั้งเล่นในห้องเรียน เล่นกลางแจ้ง และกิจกรรมศิลปรูปแบบต่างๆ
วาดภาพ ระบายสีน้ำ ปั้น ร้องเพลง นิทาน ละครหุ่น บทกลอน
บทบาทครู ( 3 R )
•การทำซ้ำ (Repetition) ครูควรทำกิจกรรมการเรียนการสอนและงานบ้านต่างๆอย่างสม่ำเสมอ
•จังหวะ (Rhythm) เพื่อให้สิ่งแวดล้อมมีบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย
เหมาะสมกับธรรมชาติของวัยเด็ก ครูควรจัดตารางประจำวัน ตารางกิจกรรมในสัปดาห์ ให้สอดคล้องกับจังหวะที่ราบรื่นแบบลมหายใจเข้าและออก
•เคารพ (Reverence) ด้วยความตระหนักรู้ที่ว่า
“มนุษย์เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ” ทำให้เราอยู่
ในโลกด้วยความรู้สึกกตัญญูและเคารพต่อธรรมชาติ
ทั้งยังเคารพต่อศักยภาพของความเป็นมนุษย์
การศึกษาแนววอลดอร์ฟมีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร?
•เด็กมีอิสระ พัฒนาตนเต็มศักยภาพที่ตนมี
•เด็กมีความคิดแยบคาย สดใส มีพลังและสร้างสรรค์
•เด็กมีความเมตตา กล้าหาญ ใฝ่รู้ เอื้ออาทร
High Scope
ไฮสโคป เป็นการสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบ ลงมือทำ ผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย
ด้วยสื่อและกิจกรรมที่
เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก
และการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
โดยการให้โอกาสเด็กเป็นผู้ริเริ่มการเล่นหรือกิจกรรมต่าง ๆ อย่างอิสระ
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก(Adult-Child
Interaction)
การเรียนรู้แบบลงมือกระทํานั้นจะประสบความสําเร็จได้ เมื่อผู้ใหญ่และเด็กมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ไฮสโคปจึงเน้นให้ผู้ใหญ่สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและปลอดภัยให้แก่เด็ก
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้
1.พื้นที่ ต้องมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมกลุ่ม
2.วัสดุอุปกรณ์
สื่อการเรียนและอุปกรณ์ต้องมีมากพอและหลากหลาย
3.การจัดเก็บ
เป็นส่วนหนึ่งการเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรการค้นหา-ใช้-เก็บคืน
1. การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ
หรือการดำเนินงานตามงานที่ได้รับมอบหมายหรือสิ่งที่สนใจ
2. การปฏิบัติ (Do) คือ
การลงมือทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้
3. การทบทวน (Review) เด็ก ๆ จะเล่าถึงผลงานที่ตนเองได้ลงมือทำเพื่อทบทวนว่าตนเองนั้นได้ปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้หรือไม่
ประโยชน์ของแนวการสอนไฮสโคป (High
Scope)
1. สอนให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น
ซึ่งเริ่มต้นจากความไว้วางใจ
2. การลงมือทำงานฝึกให้เด็กวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน
เป็นระบบ
3. เด็กได้ฝึกสมาธิทำให้เด็กเกิดปัญญา
ฝึกความมีระเบียบวินัย ฝึกการคิดอย่างมีความหมาย
English vocabulary คำศัพท์ของวันนี้
Senses ประสาทสัมผัส
Repetition การทำซ้ำ
Rhythm จังหวะ
Interaction ปฎิสัมพันธ์
Plan การวางแผน
การประเมิน
ประเมินตนเอง
มาเรียนตรงเวลา มีการจดบันทึก
มีการเตรียมตัวในการนำเสนอ
ประเมินเพื่อน
เพื่อนเตรียมพร้อมในการนำเสนอมาอย่างดี
ประเมินอาจารย์
อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่นำเสนอ
ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น